
“สหรัฐฯ คอรัปชั่นหนัก” อดีต ปธน.อัฟกานิสถาน ลั่นสหรัฐฯ คอรัปชั่น จนทำให้อัฟกานิสถานเสียหายตลอด 20 ปี
ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับเดอะวอชิงตันโพสต์ อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ฮามิด คาร์ไซ ยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ทำให้ปัญหาการคอรัปชั่นนำพาประเทศสู่ความย่อยยับตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเขาชี้ว่ายังมีอำนาจจากภายนอกที่มีบทบาทมากกว่า
คาร์ไซ ยอมรับผิดเต็มๆ เรื่องการคอรัปชั่นและการรับสินบนในภาคราชการ อย่างไรก็ตาม คาร์ไซได้ระบุว่าการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ ผ่านโครงการขนาดใหญ่ ฯลฯ มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ ล้วนแต่เป็นการกระทำของสหรัฐอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด
คาร์ไซ ยังได้ชี้แจงเรื่องจุดยืนทางการเมืองของเขา ที่อยู่ตรงกลางระหว่างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีสหรัฐฯ หนุนหลัง กับกลุ่มตอลีบานที่เขาเองก็มองว่าเป็นพี่น้องร่วมชาติ
โดยระบุว่า “สงครามในอัฟกานิสถานไม่ใช่สงครามของเรา” “ผมไม่ได้เป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามกับประชาชนชาวอัฟกัน ผมเปลี่ยนจุดยืนในตอนที่ผมเริ่มตระหนักว่าสงครามที่อ้างว่าเป็นการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย แท้ที่จริงแล้วเป็นสงครามที่กระทำต่อชาวอัฟกันต่างหาก”
คาร์ไซ ยังระบุด้วยว่า สหรัฐคือตัวการหลักที่ทำให้อัฟกานิสถานเป็นแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ท่ามกลางคำสัญญาของรัฐบาลสหรัฐ ที่ระบุว่าจะทำสงครามยุติลัทธิก่อการร้าย แต่กลับกลายเป็นการทำให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายรายใหม่ เช่น ISIS-K
คาร์ไซ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตลอด 13 ปี นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ โค่นล้มระบบการปกครองของกลุ่มตอลีบานเมื่อปี 2001 โดยในช่วงที่เขาลงจากตำแหน่งในปี 2014 รัฐบาลของคาร์ไซได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของ การทุจริตคอรัปชั่น การเล่นพรรคเล่นพวก การขโมยสมบัติของชาติและโครงการฟื้นฟูประเทศของสหรัฐ
ซึ่งนั่นทำให้อัฟกานิสถานกลายเป็นหนึ่งในสามประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดในโลก จากการจัดอันดับขององค์กรความโปร่งใสสากล
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า ปัจจุบันชื่อเสียงของคาร์ไซเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการเป็น “สุนัขรับใช้ของสหรัฐ” กลายมาเป็น “ชาวอัฟกันที่มีความเที่ยงธรรมขึ้นมาบ้าง”