
กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ! ศุภชัยเผย ‘เพื่อไทย’ ตีภูมิใจไทยเรื่องกัญชา ทั้งที่กรรมาธิการชงกฎหมายนี้คือคนเพื่อไทย ย้ำกฎหมายนี้ผ่านมติเสียงข้างมาก 467 เสียง
นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้สมัคร ส.ส. และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมากล่าวว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการปลดล็อกกัญชา ออกจากยาเสพติด และตำหนิพรรคภูมิใจไทย ว่าปล่อยปละละเลย ให้กัญชา อยู่ในภาวะสุญญากาศ
โดยบรรยายลำดับเหตุการณ์การออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติด โดยระบุว่ากระบวนการต่าง ๆ ล้วนเคยได้รับการสนับสนุนและมีส่วนร่วมจากแทบทุกพรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสภา ซึ่งรวมไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ดังนี้
25 ธ.ค. 62 สภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกัญชากัญชงและกระท่อมอย่างเป็นระบบ มีกรรมาธิการจากทุกพรรคการเมืองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรรมาธิการ (กมธ.) คณะนี้มีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ สส เพื่อไทย เป็นประธาน
21 ก.ย. 63 กมธ. ได้เสนอรายงานจำนวน 367 หน้า สรุปสาระสำคัญคือ ”การยกเลิกกัญชากัญชงและกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ” และสภาผู้แทน ฯ ได้มีมติเห็นชอบ ซึ่งรวมถึงสมาชิกสภาผู้แทน ฯ ของพรรคเพื่อไทย
8 ธ.ค. 2564 การปลดล็อกกัญชาเป็นทางการจึงเริ่มนับจากวันนี้ โดยสมาชิกทั้งสองสภามีมติเห็นชอบทั้งสิ้น 467 คน ไม่เห็นชอบ 2 คน งดออกเสียง 2 คน
6 มิ.ย. 2565 สภาผู้แทน ฯ ได้มีมติรับหลักการในวาระที่ 1 เห็นชอบร่างพรบ. กัญชากัญชงที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ โดยสมาชิกสภาผู้แทน ฯ เห็นชอบตามที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ 373 ต่อ 7 งดออกเสียง 23เสียง
จากนั้น ที่ประชุมสภาผู้แทน ฯ ได้ตั้งคณะ กมธ. วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมาย 25 คน แบ่งเป็น สัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 5 คน พรรคการเมือง 20 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีจำนวนมากที่สุด 6 คน จาก 20 คน
“กระบวนการทุกขั้นตอน ทุกพรรคการเมืองมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งสิ้น แต่มามีปัญหาเมื่อสภาจะหมดวาระ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคว่ำ หรือตีตกกฎหมายกัญชา กัญชง แต่ใช้วิธีเตะถ่วง จนกฎหมายพิจารณาไม่ทัน แล้วก็เอามาโจมตีพรรคภูมิใจไทย ว่า ทำให้เกิดกัญชาเสรี”
“ทุกพรรคการเมืองที่ไปบิดเบือนเรื่องกัญชา กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องโหวตกัญชาให้พ้นยาเสพติดมาด้วยกัน กลับไปบิดเบือน ใส่ร้าย โจมตี พรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้มีเอกสารในรัฐสภาเป็นประวัติศาสตร์ชาติ บันทึกเอาไว้อยู่แล้ว
พรรคการเมืองที่ทำให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นก็คือพรรคการเมืองที่ไม่แสดงตนจนองค์ประชุมไม่ครบ พรรคการเมืองที่เตะถ่วงจนร่างพรบ. กัญชากัญชงไม่สามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จจนสภาหมดวาระไปนั่นแหละและต้องรับผิดชอบกับสถานการณ์นี้
คนที่เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหรือเลขาธิการพรรคการเมืองใหญ่ไม่ควรจะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง ฟังเหมือนการบิดเบือน เว้นแต่แกล้งโง่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ซึ่งคนในสถานะเช่นนี้ไม่พึงกระทำ”