
นำเข้าอาวุธจาก รัสเซีย-จีน UN ชี้นับตั้งแต่รัฐประหาร กองทัพเมียนมา นำเข้าอาวุธกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
รายงานสหประชาชาติ (UN) ที่เผยแพร่ในวันพุธที่ 17 พ.ค. เปิดเผยว่า กองทัพเมียนมานำเข้าอาวุธมูลค่าอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.44 หมื่นล้านบาท) นับตั้งแต่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยอาวุธส่วนใหญ่นำเข้ามาจากรัสเซีย จีน และสิงคโปร์
โดยกองทัพเมียนมาได้รับมอบอาวุธและยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เครื่องบินรบไปจนถึงโดรน อุปกรณ์สื่อสาร และชิ้นส่วนต่างๆ สำหรับเรือของกองทัพเรือ รายงานยังระบุด้วยว่า มีบันทึกการสั่งซื้อหรือการจัดส่งยังกองทัพเมียนมา รวมถึงผู้ค้าอาวุธเมียนมาที่ทำงานให้กับกองทัพจำนวนกว่า 12,500 รายการ
ทอม แอนดรูวส์ ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ระบุว่าอาวุธจำนวนมากถูกส่งไปยังกองทัพเมียนมาอย่างไม่ขาดสายแม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมอันโหดร้าย
พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่กองทัพเมียนมาใช้เครื่องบินขับไล่ Yak-130 ของรัสเซียทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านปาซีจี เมืองกันต์บาลู ในแคว้นสะกาย ทางตอนกลางของประเทศ จากนั้นทำการโจมตีซ้ำด้วยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จู่โจม Mi-35 ของรัสเซีย เป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 160 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้หญิงและเด็กด้วย
รายงานระบุว่า ในบรรดาอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ถูกส่งไปยังเมียนมา เป็นของที่มาจากรัสเซียมูลค่า 406 ล้านดอลลาร์ (1.4 หมื่นล้านบาท) จากจีน 254 ล้านดอลลาร์ (8.75 พันล้านบาท) จากสิงคโปร์ 254 ล้านดอลลาร์ (8.75 พันล้านบาท) จากอินเดีย 51 ล้านดอลลาร์ (1.76 พันล้านบาท) และจากไทย 28 ล้านดอลลาร์ (964 ล้านบาท)
มากกว่า 947 ล้านดอลลาร์ (3.26 หมื่นล้านบาท) ของการค้าอาวุธที่ตรวจพบ ถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานที่ควบคุมโดยกองทัพเมียนมาเช่น กองอำนวยการจัดซื้อจัดจ้าง กองอำนวยการอุตสาหกรรมกลาโหม หรือสาขาเฉพาะของกองทัพ เช่น กองทัพอากาศเมียนมาหรือโรงเรียนฝึกขั้นพื้นฐานของกองทัพ
แอนดรูวส์ ได้รายงานการค้นพบของเขาต่อรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม รัสเซียและจีนกล่าวหาผู้รายงานว่าทำเกินกว่าเหตุและ “ดูหมิ่นการค้าอาวุธที่ถูกต้องตามกฎหมาย”ส่วนทางด้านอินเดียระบุว่า สัญญาซื้อขายอาวุธที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของรัฐได้รับการลงนามโดยรัฐบาลชุดก่อน
ขณะที่แอนดรูว์ตั้งข้อสังเกตว่า เขาไม่พบข้อมูลที่บ่งชี้ว่าหน่วยงานที่รัฐบาลสิงคโปร์หรือไทยเป็นเจ้าของหรือควบคุมการดำเนินกิจการ หรือแม้แต่รัฐบาลเอง ได้อนุมัติหรือส่งมอบอาวุธให้กองทัพเมียนมา ซึ่งดูเหมือนว่าพ่อค้าอาวุธกำลังใช้ไทยและสิงคโปร์ในการดำเนินธุรกิจของพวกเขา “โดยเฉพาะภาคการธนาคารและการขนส่ง”
(1 ดอลลาร์ = 34.44 บาท)