Newsเทรนด์ ‘บันจี้จัมพ์’ JP Morgan คาดการณ์ ตลาดอาเซียนจะดิ่งลงต้นปี 2023 ก่อนพุ่งทะยานขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง

เทรนด์ ‘บันจี้จัมพ์’ JP Morgan คาดการณ์ ตลาดอาเซียนจะดิ่งลงต้นปี 2023 ก่อนพุ่งทะยานขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง

JP Morgan คาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย จะเคลื่อนไหวในลักษณะเหมือนกับ “การกระโดดบันจี้จัมพ์” โดยในครึ่งปีแรกจะดิ่งลง ก่อนที่จะพุ่งทะยานขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

 

Rajiv Batra นักวิเคราะห์ของ JP Morgan ระบุในรายงานว่า ในปีหน้าตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะดิ่งลงแรง ก่อนที่จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและดิ่งลงอีกครั้งจนตลาดหยุดพักตัวที่ระดับต่ำสุด โดยมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อที่ลดลงจากนโยบายการเงินที่ตึงตัว การออมที่ลดลง และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

 

JP Morgan คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ดัชนี MSCI ASEAN (ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) “จะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดของปีนี้อีกครั้งและอาจหลุดลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่” โดยได้รับอิทธิพลจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลง นโยบายการเงินที่ตึงตัว การกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศที่เริ่มแผ่วลง ฯลฯ

 

ดัชนี MSCI ASEAN ปรับตัวลดลง 22% จากจุดสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์สู่ระดับต่ำสุดของปีเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะฟื้นตัวราว 10% ในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง และแนวโน้มการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

 

โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะแตะระดับ 5% ในเดือนพฤษภาคมปีหน้าและคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีหน้า 

 

ส่งผลให้ประเทศที่พึ่งพิงการค้าเป็นหลักอย่าง ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย จะได้รับผลกระทบจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก และความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคคงทนที่ลดลง

 

กรณีของเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่หดตัวอย่างรุนแรง, การลงทุนภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยนักวิเคราะห์ของ JP Morgan ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปี 2566 จาก 3.3% เป็น 2.7%

 

ขณะที่ การกลับมาเปิดประเทศหลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดอาจช่วยได้ไม่มากนักเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

 

“ผลประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีนจะหักล้างไปกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตลาดที่พัฒนาแล้ว” นักวิเคราะห์ของ JP Morgan กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศของจีนจะเป็นตัวกระตุ้นเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนถึง 20% ในปี 2562 ซึ่งการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวไทยที่มีโอกาสจะฟื้นตัวได้ดี แต่อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ

 

“มีข้อโต้แย้งว่าการเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนดของจีนจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ… แม้ว่าการท่องเที่ยวอาจกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง อย่างไรก็ตามสิ่งนี้อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเงินเฟ้อในประเทศไทยขับเคลื่อนโดยปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก” รายงานระบุ

อ้างอิง :

https://www.cnbc.com

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า