“ส่งออก” และ “นำเข้า” สินค้าที่ไทยยังต้องนำเข้าในปี 2566
“ส่งออก” และ “นำเข้า” เรียกได้ว่าสองคำนี้นั้นถูกใช้คู่มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารับรู้ข่าวสารด้านเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทย การส่งออกมักจะถูกพูดถึงเป็นหลัก
เช่น ในปีนี้การส่งของสินค้ากลุ่มนั้น-กลุ่มนี้ของประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร?, สินค้าส่งออกไทยนั้นตีตลาดของภูมิภาคไหนในโลกได้บ้าง?, ไทยส่งออกสินค้าชนิดนี้-ชนิดนั้นสามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้านได้ไหม? เป็นต้น น้อยครั้งที่จะมีการพูดถึงว่าจริง ๆ แล้วไทยเรานั้นนำเข้าสินค้าชนิดไหนบ้าง
อันที่จริง ประเทศไทย เช่นเดียวกับทุกประเทศในโลก ไม่สามารถเป็นประเทศส่งออกหรือนำเข้าเป็นหลักได้อย่างเดียว เพราะเราจะต้องพิจารณาถึง “ดุลการค้า” หรือความสมดุลระหว่างการส่งออกและนำเข้า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บางช่วงไทยนั้นได้ดุลการค้า บางช่วง อย่างในปัจจุบัน ก็ขาดดุลการค้ามาหลายปีติดต่อกัน
ถึงอย่างนั้น ประเทศไทยก็มีการส่งออกสินค้าชนิดต่าง ๆ อยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อพูดถึงการเป็น “ประเทศผู้ส่งออก” ก็จะต้องมีการลงรายละเอียดว่าเราส่งออกอะไรเป็นหลักบ้าง โดยประเทศไทยนั้นส่งออก สินค้าเกษตร, อาหารแช่แข็ง, รวมถึงน้ำมันสำเร็จรูป, เม็ดพลาสติก, ยางพารา กระทั่งรถยนต์ หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เหล่านี้ถือว่าเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยเรา
ส่วนการนำเข้านั้น ประเทศไทยถือว่านำเข้าสินค้าหลากหลายประเภทอยู่ ซึ่งสามารถจำแนกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้
- เครื่องจักร
- น้ำมัน-เชื้อเพลิง
- สินค้าอุตสาหกรรม
- เคมีภัณฑ์
- สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ
- อาหาร
- วัตถุดิบ
- ทองคำ
- เครื่องดื่ม และ ยาสูบ
- น้ำมันพืช และ น้ำมันสัตว์
- สินค้าเบ็ดตเล็ด
การนำเข้านั้นถือเป็นกระบวนการสำคัญที่จำเป็นต่อการดำเนินไปของเศรษฐกิจและภาคการผลิต ทุกประเทศนั้นต้องมีการนำและส่งสินค้าต่าง ๆ เพื่อเข้าและออกประเทศของตนเองเสมอ โดยจะต้องคำนึงถึงดุลการค้า แต่ด้วยสินค้าบางชนิดเราอาจจะไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะผลิตได้ การนำเข้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กระนั้นเราไม่ควรจะมุ่งไปลดการนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่ควรมีการมุ่งพัฒนาให้สินค้าส่งออกของเรามีคุณภาพ และรวมทั้งสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้สินค้าของเราสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้
#TheStructureArticle
#ส่งออก #นำเข้า #PTT