
Here We Go (9)
เลือกตั้งผู้ว่า กทม. มีประเด็นให้ชาวกรุงเทพต้องคิดอย่างละเอียดเสียแล้ว พรรคเก่าแก่ ที่สุดของเมืองไทยและเคยเป็นเจ้าของสนามเลือกตั้ง กทม.มาหลายยุคหลายสมัย ต้องซวนเซ
เพราะรองหัวหน้าพรรคคนหนึ่งแถมเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ของพรรคเสียด้วย ถูกดำเนินคดี ข้อหาเกี่ยวกับอนาจารหญิงหลายรายด้วยกันซึ่งเสียหายอย่างรุนแรงในเรื่องจริยธรรม โดนถล่มทั้งใน โลกออนไลน์และโลกจริง
กระทบไปถึงพี่เอ้ซึ่งอาการก็ทรุดพอสมควรในเรื่องเฉียดๆ จริยธรรม เหมือนกัน เราควรดีใจที่ประเด็นจริยธรรมกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญของคนที่จะมีตำแหน่งใหญ่โตของ บ้านเมือง
—-
ผู้สมัครผู้ว่า กทม. อีกรายวางยุทธศาสตร์หาเสียงแบบเอาใจแฟนคลับเยาวชนคนรุ่นใหม่ อย่างเดียวเลย
ยังไม่ทันได้เป็นผู้ว่าเสนอตัดสร้อยท้ายชื่อกรุงเทพมหานครซะแล้ว ชื่อนี้มีแต่โบราณ และอยู่คู่กับกรุงเทพมานับร้อยปี นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ก็กรุงเทพเจริญรุ่งเรืองเติบโตมาโดยตลอด ไม่มีช่วงใดที่กรุงเทพตกต่ำลงแม้แต่น้อย จะไปตัดทิ้งเสียทำไม ไม่เอาใจแฟนคลับรุ่นใหญ่บ้างเลย
ตอนแรกคิดว่าจะเอาสนามหลวงคืนอย่างเดียว แต่นับวันก็มีข้อเสนอเพิ่มมาทีละเรื่อง กว่า จะถึงวันหย่อนบัตรคงมีทีเด็ดอีกหลายเรื่อง ไม่รู้จะตัดอะไรทิ้ง เอาอะไรคืน หรือสร้างอะไรใหม่ ดูๆ ไปเหมือนตั้งใจหาเสียงเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าเป็นผู้ว่า กทม.
—-
ผลกระเทือนต่อพรรคประชาธิปัตย์ การหาเสียงของคนหนุ่มแห่งก้าวไกล บวกกับภาพ ของ ชัชชาติที่ชูสามนิ้วเมื่อนานมาแล้ว รวมๆ กับความสนิทสนมกับทักษิณ ชินวัตร เหมือนเปิดประตู ให้ผู้ว่าอัศวินเปล่งประกายม้ามืดหรือตาอยู่ขึ้นมาทันที
ว่ากันว่าการลงพื้นที่หาเสียงหาคะแนนของ ทีมอัศวินมีพลังอย่างยิ่ง เข้าถึงเจ้าของเสียงโดยตรงถึงบ้าน ถึงชุมชน โดยเฉพาะแรงสนับสนุนใน พื้นที่ของอาเฮีย อาเจ๊ก ระดับเถ้าแก่เจ้ายุทธจักรในวงการทุกประเภทของเมืองหลวงที่เทให้กับ ผู้ว่าอัศวิน ชาวบ้านเขาเล่ากันว่ามาแรงสุดๆ
ถ้าพิจารณาดูฐานคะแนนเสียง คนกรุงเทพวัยสูงอายุ และกลางคน ทำท่าจะมองไปที่ผู้ว่าอัศวิน ขณะที่คนรุ่นใหม่ วัยทำงานมองไปที่ชัชชาติและวิโรจน์ คะแนนจะตัดกันเองหรือแบ่งสรรกันอย่างไร กลยุทธ์โค้งสุดท้ายเข้าสู่ทางตรง จะเป็นปัจจัยตัดสิน
รอดูคำคมเพียงประโยคเดียวก่อนวันเลือกตั้งสัก 1 วันหรือ 3 วัน สามารถพลิกสถานการณ์ให้คนๆ หนึ่งชนะการเลือกตั้งได้ สนามเล็กของ กทม.จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
—-
ส่วนการเมืองใหญ่ที่ว่าจะมีอะไรตื่นเต้นในห้วงเดือนพฤษภาคม คงจะไม่มีแล้ว พรรค เพื่อไทยจะยังไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในเดือนดังกล่าว
บอกว่าจะรอไปก่อนให้ กฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2566 ได้รับความเห็นชอบผ่านสภา แล้วค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะตกในเดือน สิงหาคมอะไรทำนองนั้น
ฝ่ายค้านคงมองเห็นว่าเดือนสิงหาคมจะมีประเด็นการเป็นนายกรัฐมนตรี ของนายกประยุทธ์เกิน 8 ปีหรือไม่ ตามที่รัฐธรรมนูญปี 60 ได้กำหนดไว้ เรื่องคงต้องไปถึงศาล รัฐธรรมนูญ เพราะเกี่ยวพันกับการตีความการนับเวลาการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ที่น่าคิดคือ จะทำให้น้ำหนักการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น มีแรงกดดันจากสภาออกไปยังภายนอก และ อาจทำให้เกิดการลาออก การพ้นตำแหน่ง มากกว่าการยุบสภา
แม้ความตื่นเต้นจะลดลง แต่แรง กดดันต่อนายกประยุทธ์หาได้ลดลงไม่ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นยังถูกนำมาทำลายความน่าเชื่อถือนายก ประยุทธ์ได้ตลอดเวลา
—-
ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ 2565 มานี่ คนไทยได้เห็นคนเล่นการเมืองมาจากแดนไกล ไม่ใช่ใคร ที่ไหนคือ ทักษิณ ชินวัตร เวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าทักษิณเล่นการเมืองอย่างเอาจริง เอาจัง ไม่เหนียมอายแอบส่งสัญญาณทางอ้อมอีกต่อไป
ทุกวันนี้จึงได้เห็นนายทักษิณทั้งสั่งสอนผู้ใหญ่ เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สั่งสอนเด็กเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ สั่งให้แก้กฎหมายในสภา วางหมากการเมืองให้คนของพรรคเพื่อไทยนำไปเดินบนกระดาน ไม่นับเรื่องส่งลูกสาวคนโปรดลงมา ทดสอบความนิยมเพื่อก้าวสู่ความเป็นนายกรัฐมนตรีอีกคนในสองปีข้างหน้า
ซึ่งดูเหมือนมั่นใจขึ้นมาก มั่นใจถึงขนาดกล้าพูดถึง ‘ความสัมพันธ์ของตัวเองกับสถาบันพระมหากษัตริย์’ เหมือนต้องการ บอกคนไทยว่าตนเองสนิทสนม รับใช้สถาบันมายาวนาน จึงรู้ความเป็นไปทุกเรื่องดี
คนไทยคงจำได้ ทักษิณเคยพูดทำนองเดียวกันนี้เมื่อหลายปีก่อน สมัยรัชกาลที่แล้ว พูดเหมือนใกล้ชิด ถวายงาน (แม้บางฝ่ายจะมองว่าประโยคที่ใช้ไม่ได้แสดงถึงความเคารพเท่าที่ควร)
พฤติกรรมของทักษิณเช่นนี้ ตรงกับที่นายปวินพูดถึงทักษิณเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าไม่เคยแปลกใจเรื่องจุดยืน ของนายทักษิณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพบกับนายทักษิณกี่ครั้งนายทักษิณก็นินทาว่าร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ฟังเสมอ ซึ่งดูเหมือนคอการเมืองเชื่อนายปวินมากกว่าทักษิณเสียแล้ว
เรื่องนี้กำลังบอกอะไรกับเรา ? นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าต้องอ่านทักษิณให้เข้าใจ รู้ถึงก้นบึ้ง ของความคิด ว่าทั้งหมดคือกระบวนการในการขยับตัวเพื่อจะได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง
—-
อาทิตย์นี้หมดเทศกาลสงกรานต์แล้ว ทุกคนกลับบ้านโดยเฉพาะคนกรุงเทพ เริ่มทำงาน เริ่มใช้ชีวิตปกติ ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลังสงกรานต์จะเป็นเช่นไร ? จะทรงตัว จะเพิ่ม ขึ้น จำนวนคนเสียชีวิตจะเป็นอย่างไร
นี่คือความวิตกกังวลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ภาวนา ให้ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพื่อที่พวกเราจะได้ทำมาหากินกันอย่างไม่ต้องกังวลมากนัก อะไรๆ จะได้ไม่เลวร้ายลงไปอีก
อย่าลืมคำแนะนำของ ศบค. สิบวันต่อจากนี้ สังเกตอาการตัวเอง ไม่แน่ใจให้ตรวจด้วย ATK ตรวจเองหรือไปโรงพยาบาลก็ได้ ถ้าสองขีดก็ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ อาการน้อยกักตัวที่บ้าน ถ้าที่บ้านไม่เอื้อก็ไปโรงพยาบาล และเจ้าของบริษัททั้งหลายก็ควรอนุญาตให้ work from home
หวังว่าเมื่อเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม ตัวเลขจะไม่น่ากลัว ฝ่ายแพทย์สามารถรับมือได้อย่างมีคุณภาพ ประชาชนได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว เสมอภาค ทั่วถึง ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ คงพอจะเริ่มต้นมีความสุขกันได้
โดย : แกงส้ม