
วิเคราะห์สูตรจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า รวมไทยสร้างชาติกับภาวะตกที่นั่งลำบาก และวาทกรรม “ประเทศไทยเสียโอกาส”
การเมืองไทยเดินไปสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัว สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะครบวาระ 4 ปีในวันที่ 23 มี.ค.66 นี้ ถ้าไม่มีการยุบสภาคงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน
แต่ทุกคนรวมถึงนักการเมืองทั้งหลายรอลุ้นให้คุณประยุทธ์ประกาศยุบสภา วันเลือกตั้งก็จะขยับออกไปอีกนิดหน่อย รวมถึงได้อานิสงส์จากคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอีกด้วย
ทั้งสื่อมวลชนและผู้ติดตามการเมืองทั้งหลายต่างคาดเดาวันกันไปต่างๆ นานา เอาเป็นว่ามันต้องตรงสักวันที่คาดเดา ก็จะได้ไปเคลมว่าเป็นกูรู้ทางการเมือง
เรื่องยุบสภาไม่มีใครรู้ดีที่สุดเท่ากับคุณประยุทธ์ พอถามแล้วไม่ตอบ ก็กล่าวหาว่าต้องการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง เรียกว่าขยับหรือไม่ขยับ พูดหรือไม่พูด โดนตำหนิทั้งวัน
———-
วิเคราะห์สูตรจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
———-
เอาเป็นว่าเวลานี้ การยุบสภาคงเกิดขึ้นแน่นอน อาจได้อ่านเรื่องนี้หลังการยุบสภาแล้วก็ได้ บ้านเมืองกำลังเดินไปสู่การมีรัฐบาลใหม่ หน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร จะเป็นขั้วเดิมหรือขั้วใหม่หรือขั้วเดิมผสมกับขั้วใหม่ วนเวียนอยู่ตรงสามแนวทางนี้ เพียงแต่เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดเท่านั้น เพราะไม่รู้จำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้
แต่ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็คุยกันในทุกวงการ เจอเพื่อน เจอญาติ คำถามยอดฮิตคือคุณประยุทธ์หรือลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกหรือไม่ หรือคุณแพทองธารหรือคุณเศรษฐาจะเป็นนายก หรือคุณประวิตรหรือลุงป้อมจะเป็นนายกเสียเอง หรือคุณอนุทิน หรือคุณพิธา หรือคุณจุรินทร์
คุยไปคุยมาบทสรุปที่ได้คือ เราคงมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ไม่พ้นชื่อเหล่านี้ เว้นแต่ว่าแต่ละพรรคจะปล่อยทีเด็ดในนาทีสุดท้ายเสนอชื่อนายกเป็นคนที่ยังไม่มีใครพูดถึงในเวลานี้ขึ้นมา
ถ้ามาสรุปจากความเห็นในวงอาหารเช้าของคอการเมือง รายการวิเคราะห์การเมืองในโทรทัศน์วิทยุ และสื่อออนไลน์ คนที่ถูกพูดถึงเวลานี้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของคนไทย มีอยู่สี่คนด้วยกัน คือ คุณประยุทธ์ คุณประวิตร คุณเศรษฐา คุณอุ๊งอิ๊ง ที่เหลือพูดถึงน้อยมาก
แม้แต่คุณอนุทินที่ใครๆ ก็คาดการณ์ว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.มากเป็นลำดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย แต่เสียงพูดถึงคุณอนุทินน้อยจริงๆ ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่ามองข้ามคุณอนุทินเพราะเหตุใด ไม่มีบารมี ขาดอาวุโส ไม่มีอำนาจต่อรองมากพอ หรือสภาพแวดล้อมทางการเมืองไม่เอื้อต่อคุณอนุทิน
ณ สภาพแวดล้อมทางการเมืองในปัจจุบัน พอจะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่างขั้วพรรคร่วมรัฐบาลกับขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขั้วใดได้ ส.ส.เกิน 250 คน ขั้วนั้นได้เป็นรัฐบาลและตกลงเลือกเสนอชื่อนายกที่ขั้วตัวเองเห็นชอบต่อรัฐสภา
แต่ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีตัวแปรสำคัญอยู่ 2 ปัจจัย คือ ส.ว. 250 คนที่มีสิทธิ์เลือกนายก กับพรรคก้าวไกล เรื่องปัจจัย ส.ว. ดูค่อนข้างง่าย ถ้าขั้วรัฐบาลเดิมได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง และตกลงกันได้ว่าระหว่างคุณประยุทธ์หรือคุณประวิตรหรือคุณอนุทิน เสนอชื่อใครเป็นนายก ส.ว.คงโหวตให้
แต่ถ้าไม่ใช่ขั้วแบบนี้ ส.ว. น่าจะคิดมากขึ้น รอดูชื่อคนที่จะถูกเสนอชื่อมา ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลฟังข้อมูลดูมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น ไม่มีใครอยากได้มาร่วมรัฐบาลแม้แต่พรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายสุดโต่งเรื่องเปลี่ยนแปลงประเทศ ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
อย่าว่าแต่ ส.ส.เลย คอการเมืองก็อ่านออกว่านโยบายเช่นนี้ทำให้รัฐบาลอายุสั้น อยู่ได้ไม่นาน ปัญหามีตลอดเส้นทางตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล ด้วยเหตุเช่นนี้ต่อให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลมี ส.ส.มากกว่า 250 คน หนทางตั้งรัฐบาลมีแต่ความวิบาก
พรรคเพื่อไทยไม่อยากได้ ได้มาก็ไม่สามารถสนองตอบยุทธศาสตร์พาคุณทักษิณกลับบ้าน บริหารจัดการยาก อายุสั้น จึงมีข่าวมาตลอดเรื่องดีลลับระหว่างเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ ระหว่างคุณทักษิณกับคุณประวิตร
เกิดสูตรตั้งรัฐบาลแบบลับๆ ขึ้นมา เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติพัฒนา ชาติไทยพัฒนา และให้คุณประวิตรเป็นนายก ซึ่งเชื่อว่า ส.ว.จะเห็นชอบให้
อาหารกลางวันระหว่างคุณประวิตร คุณอนุทิน คุณศักดิ์สยาม นอกจากเรื่องคดีความของคุณศักดิ์สยามแล้ว คงเกิดดีลการจับมือกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐชนิดไปไหนไปด้วยไม่ทิ้งกัน แต่คุณศักดิ์สยามต้องปลอดภัย
เพราะฉะนั้นจะเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคใดพรรคหนึ่งอาจต้องหนีบอีกพรรคไปด้วย ดีลแบบนี้คนแวดล้อมคุณประวิตรคงพอใจ แต่ทำให้พรรคเพื่อไทยหนักใจและเป็นรองทางการเมือง
คุณทักษิณไม่มีคนที่มีบารมีมากพอที่จะเป็นนายกของพรรคเพื่อไทย หาใครไม่ได้ คุณแพทองธารก็ท้องแก่ คุณเศรษฐาก็มีบาดแผลเยอะและไม่มีบารมีพอจะพาคุณทักษิณกลับบ้าน
เรื่องผู้นำเป็นจุดอ่อนที่สุดของพรรคเพื่อไทย แต่น่าคิดเหมือนกันว่าคุณทักษิณขาดผู้นำจริงๆ หรือคุณทักษิณมีใครอยู่ในใจ แต่อุบไว้ก่อนรอเวลาที่เหมาะสมประกาศปุ๊บ แลนด์สไลด์ได้ทันที
ถ้าเป็นเช่นนี้แลนด์สไลด์ได้ ส.ส. 310 คนจริง เราอาจจะได้เห็นการดีลทางการเมืองอีกสูตรหนึ่ง เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย แต่น่าจะยากอยู่
———-
รวมไทยสร้างชาติกับภาวะตกที่นั่งลำบาก
———-
ที่เราคุยกันมาจะเห็นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ในภาวะลำบาก ถ้าขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ได้เสียง ส.ส.เกิน 250 คน คุณประยุทธ์มีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะได้กลับมาเป็นนายก
เพราะเพื่อไทยคงไม่ร่วมมือกับรวมไทยสร้างชาติและโดดเดี่ยวรวมไทยสร้างชาติแน่นอน จากเหตุที่แนวทางของคุณประยุทธ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคุณทักษิณแม้แต่น้อย
มองไปข้างหน้าหนทางเดียวที่รวมไทยสร้างชาติจะมีอำนาจต่อรองพาคุณประยุทธ์กลับมาเป็นนายกได้คือ ต้องได้ ส.ส.มากกว่า 50 คนขึ้นไป ใครเชียร์ใครก็ต้องไปวางแผนลงคะแนนแบบยุทธศาสตร์กันเอาเอง
ตอนนี้แต่ละพรรคจำต้องใช้ยุทธวิธีหาเสียงที่หลากหลาย พรรคการเมืองใหญ่ที่คิดว่ามี FC มากๆ ต้องใช้ยุทธวิธีแบ่งฝ่าย ต้องการแยกขั้ว แบ่งพวกให้ชัด ไม่ต้องการให้ผู้สนับสนุนเปลี่ยนใจก่อนลงคะแนนเลือกตั้ง
สมัยก่อนจะได้ยินคำแบ่งแยกพวกอย่าง คนรากหญ้า ชนชั้นนำ หรือ พวกไพร่ พวกอำมาตย์ มาช่วงนี้กระแสประชาธิปไตยกำลังมาแรงจึงได้ยินวลี พวกเผด็จการ พวกรัฐประหาร พวกประชาธิปไตย พวกเสรีนิยม พวกอนุรักษ์นิยม ประชาชนเท่าเทียม มาแทนที่
พรรคการเมืองที่สร้างวาทกรรมปั้นแต่งคำเหล่านี้ขึ้นมา รู้หรือไม่ว่าล้วนแต่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ก่อนจะพูดหรือใช้หาเสียงนักการเมืองควรต้องคำนึงถึงผลที่เกิดจากสิ่งที่พูดด้วย
หากในพรรคการเมืองของคุณเอง คุณถูกเรียกว่าเป็นพวกคนนอกบ้าน คนนอกครอบครัว ไม่ใช่พวกนักรบห้องแอร์ เป็น ส.ส.ปลายแถว ไม่ใช่กลุ่มโปลิตบูโร เป็น ส.ส.กลุ่มขยะ จะรู้สึกอย่างไร
หลายพรรคการเมืองที่ประกาศตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ภายในพรรคก็เป็นแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากที่ถูกขนานนามว่าพรรคเผด็จการซ่อนรูป ไม่เชื่อลองไปถามคุณจตุพร พรหมพันธุ์ คุณเจ๋ง-ดอกจิก หรือคุณคริส โปตระนันทน์ ดูได้
———-
เสียโอกาส?
———-
วาทกรรมที่พรรคใหญ่บางพรรคกำลังพยายามออกมานำเสนอซ้ำๆ ย้ำๆ กล่าวโจมตีรัฐบาลบ่อยๆ ต้องการให้ประชาชนเข้าใจเป็นอย่างนั้นคือคำว่า “เสียโอกาส” เหมือนกับจะบอกกับคนไทยทุกคนว่านับตั้งแต่คุณประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ประเทศไทย ประชาชนคนไทยเสียโอกาสไปมาก
โดยเฉพาะคำว่า “เสียโอกาส” ที่ออกจากปากของคนที่กำลังจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้งคุณอุ๊งอิ๊ง คุณเศรษฐา ซึ่งคนฟังยังไม่เข้าใจว่าประเทศเสียโอกาสตรงไหนบ้าง เพราะไม่ได้มีรายละเอียดอื่นๆ ออกมาพูดต่อ อาจต้องการให้ประชาชนที่ได้ยินคำนี้เข้าใจว่าเสียโอกาสในการทำมาหากิน เสียโอกาสสร้างความมั่งคั่ง
แบบนี้คงต้องนำสถิติตัวเลขหรือตัวอย่างที่เห็นชัดๆ มาชี้แจง กลุ่มอาชีพไหนเสียโอกาสตรงไหน ประเทศเสียโอกาสยังไงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
แต่ที่แน่ๆ กลุ่มทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยกตัวอย่างของ บริษัท เอสซี แอสเสท ของคุณอุ๊งอิ๊ง ที่ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 นับตั้งแต่ปี 58-65 ทำธุรกิจมีกำไรทุกปีรวมกันมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่เคยขาดทุนเลยสักปี แล้วตรงไหนที่เรียกว่าเสียโอกาส
มาดู บริษัท แสนสิริ ของคุณเศรษฐา บ้าง นับตั้งแต่ปี 58-65 ทำธุรกิจมีกำไรรวมกันมากกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท แล้วตรงไหนที่เรียกว่าเสียโอกาส ตัวเลขเหล่านี้ไปหาดูได้
หรือกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่คุณทักษิณ ตั้งฉายาให้เป็นคนรากหญ้า เป็นกลุ่มที่เสียโอกาส ก็ยังไม่เห็นมีชาวนากลุ่มไหนออกมาร้องต่อรัฐบาล ตอนนี้ชาวนาสามารถขายข้าวในราคาประกัน แม้จะไม่ได้รับประกันทุกเมล็ดในราคา 15,000 บาทต่อตัน แต่เกษตรกรได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ทำให้ยอดส่งออกข้าวของไทยปี 65 พุ่งสูงถึงเกือบ 7.7 ล้านตัน ไม่มีการส่งออกแบบลมๆ ทุจริตในทุกขั้นตอนโดยที่งบประมาณจำนวนมากตกไปยังนักการเมืองบางพรรค ทำให้รัฐมนตรีบางคนต้องติดคุกติดตาราง ข้าราชการที่ร่วมทุจริตต้องรับเคราะห์รับกรรม ส่วนจอมบงการหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
แบบนี้ที่ต้องเรียกว่าคนไทยเสียโอกาส ประเทศไทยเสียประโยชน์ เพราะเงินที่ถูกนักการเมืองกลุ่มนี้ พรรคนี้โกงไป คนไทยทุกคนไม่ว่าคนรากหญ้าหรือชนชั้นนำ ไม่ว่าไพร่หรืออำมาตย์ ไม่ว่าฝ่ายเผด็จการหรือประชาธิปไตย ต้องหาเงินมาชำระหนี้ให้แทนนักการเมืองกลุ่มนี้อีกไม่รู้กี่อีกสิบปีถึงจะหมดหนี้
แทนที่จะนำเงินจำนวนนี้มาทำประโยชน์ให้ประเทศโดยรวมได้ มาถึงวันนี้หนี้เก่ายังไม่หมดเลย หรือจะต้องเตรียมใช้หนี้ใหม่ให้กลุ่มเก่าที่กำลังนำเสนอตัวทายาทคนใหม่มาทำหน้าที่แทน คงต้องช่วยกันคิดให้ดี