NewsHere We Go 35

Here We Go 35

วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ในหลวงรัชกาลที่ 10 เสด็จเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 หรือที่เคยเป็นสนามม้านางเลิ้งเก่า

เพื่อให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ใจกลาง กทม. เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทุกวัย เป็นแก้มลิงป้องกันน้ำท่วม กทม.ชั้นใน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ เป็นแหล่งเรียนรู้โครงการพระราชดำริ ให้คนไทยทั้งประเทศ ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานทั้งชีวิตเพื่อราษฎรไทย

ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของพ่อต่อไป การปรากฏขึ้นของอุทยานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 จึงเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของพระองค์

———-

ในหลวงกับทรานซิสเตอร์
———-

การเสด็จ จ.หนองบัวลำภู ของในหลวงรัชกาลที่ 10 และการพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรที่ถูกน้ำท่วมในหลายจังหวัดตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงน้ำพระทัยที่ทรงห่วงใยต่อความทุกข์ยากลำบากใจของราษฎรไทยอย่างแท้จริง

ทรงติดตามสดับรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนตลอดเวลาเหมือนเช่นที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้ว่าจะไม่ทอดทิ้งประชาชน

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ ท่านทรงพระราชทานแนวคิดพัฒนาระบบการสื่อสารทางวิทยุและระบบทรานซิสเตอร์อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี 2495 ทรงก่อตั้งสถานีวิทยุ อส.ขึ้นที่พระราชวังสวนจิตรลดา วัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างกษัตริย์กับราษฎรของพระองค์ท่านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด ที่ทุกคนเข้าถึงได้

ทำให้ทรงทราบว่าขณะนั้นพื้นที่บริเวณนั้น กำลังประสบภัยด้านไหน และทำให้พระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ดังตัวอย่างปรากฏชัดเจนหลายครั้ง เช่น เมื่อคราวเกิดอุทกภัยภาคเหนือปี 2504 หรือเกิดมหาวาตภัยใต้ที่แหลมตะลุมพุกปี 2505

ทำให้ประชาชนที่ประสบภัยได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แนวทางการช่วยเหลือของพระองค์ทำให้หลายหน่วยงานรับไปดำเนินการต่อตามอำนาจหน้าที่ จนพัฒนาเป็นแนวทางช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนมาจนถึงปัจจุบันนี้

ทำให้นึกถึงเรื่องที่คุณประยุทธ์แนะนำถึงการใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ตอนเยี่ยมชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม มั่นใจว่าตอนที่พูด คุณประยุทธ์นึกถึงพระอัจฉริยะภาพของในหลวงด้านการสื่อสารอย่างแน่นอน

———-
ตกลงจะคิดถึงคนรากหญ้าหรือจะเหยียดเขากันแน่?
———-

ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีทั้งนักการเมืองบางฝ่ายจับประเด็นเรื่องวิทยุทรานซิสเตอร์มาโจมตีคุณประยุทธ์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้มาก่อน หรือบางคนอาจจะรู้ดีอยู่แล้วแต่แกล้งไม่รู้ เพราะในทางสากลก็ระบุไว้ว่าวิทยุทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์จำเป็นสำคัญที่ต้องเตรียมไว้ในยามคับขันที่ไม่มีระบบไฟฟ้าใช้

คุณประยุทธ์เคยเป็นทหารต้องเคยศึกษาและปฏิบัติมาก่อนแล้วว่า ในยามที่คับขันอะไรจำเป็นบ้างสำหรับการอยู่รอด มีแต่พวกโลกสวยที่ไม่เคยยากลำบากในพื้นที่ห่างไกล โตมากับเมืองใหญ่ที่มีสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยเทคโนโลยีเลยขาดประสบการณ์ ขาดการศึกษาจึงได้พูดออกมาลักษณะนี้

ก็ไหนบอกว่าเข้าใจคนรากหญ้า ก่อนหน้านี้รัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบ online ก็โจมตีว่าไม่เห็นแก่คนชนบทที่ขาดอุปกรณ์สื่อสาร พอคราวนี้ก็โจมตีอีกว่าเชย ล้าสมัย กลับไม่ได้คิดถึงชาวบ้านที่เขาไม่มีอุปกรณ์รับ sms จะทำอย่างไร

แต่ที่แย่กว่านั้นคือการออกมาวิจารณ์โดยมีเจตนาต้องการแบ่งแยก generation เพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการชี้นำให้กลุ่มเยาวชนมองว่าใครที่สนับสนุนระบบทรานซิสเตอร์ถือเป็นเป็นคนตกยุค มีความคิดไม่ทันสมัย ไม่สามารถฝากอนาคตไว้กับคนเหล่านี้ได้

เจตนาแบบนี้เลวร้ายยิ่งกว่า ถือเป็นการเพาะบ่มความคิดแตกแยกของคนในประเทศ

———-
ฝ่ายการเมืองที่หากินกับโศกนาฏกรรม
———-

สำหรับคนบางคนหรือนักการเมืองบางพรรคที่นำเรื่องเหตุเศร้าสลดของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู มากล่าวถึงในเชิงเสียดสีใดๆ หรือนำมาโหนสร้างเป็นประเด็นการเมือง

เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งวุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง เหมือนเหยียบย่ำหัวใจครอบครัวของน้องๆ และทำร้ายความรู้สึกของคนไทย ที่พยายามส่งกำลังใจช่วยให้ทุกฝ่ายผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายไปให้ได้

จะเห็นได้ว่าคนที่ออกมาโหนเรื่องนี้ เพิ่งจะแสดงตนลงไปเยี่ยมผู้ประสบเคราะห์ในช่วงท้ายๆ คงต้องการหาข้อมูลแวดล้อมเพื่อนำมาอภิปรายขยายความตำหนิรัฐบาลในสภามากกว่า

ลองตรองดูให้ถ่องแท้ว่า ใครกันแน่ที่คอยนึกถึงประชาชนอย่างแท้จริง และใครกันที่ชอบใช้ ชอบอ้างประชาชนเพื่อประโยชน์ของตน เรื่องนี้ยาวนิด เพราะคิดถึงพ่อ

———-
เพื่อไทย อาจไม่เอาด้วยกับ ก้าวไกล
———-

ขอทำให้เห็นภาพของบ้านเมืองเพิ่มเติมอีกนิด การเมืองของเรากำลังเข้มข้น เพราะใกล้เลือกตั้งเข้าไปทุกที พรรคการเมืองและคนดู อ่านการเมืองคล้ายๆ กัน คงหนีไม่พ้นการยุบสภาหลังประชุมเอเปค

ทุกพรรคจึงรณรงค์ทางนโยบาย ลงพื้นที่ ขายแนวคิด ชิงตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่มีชื่อเสียง พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าจะแลนด์สไลด์เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพราะจะเอาพรรคของคนรุ่นใหม่มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะเจอปัญหาข้อเสนอเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองของประเทศแน่นอน

เห็นชัดอยู่ตำตา หัวขบวนหรือส่วนนำทางความคิด ชี้นำมาอย่างเข้มจัด รุนแรง ทั้งในวงอภิปราย เขียนหนังสือ หรือโพสต์ความเห็นวิชาการในโลกออนไลน์

“ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ปฏิรูปสถาบัน นิรโทษกรรม ยกเลิกมาตรา 112 ให้สัตยาบันอยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ” ซึ่งในท้ายที่สุดก็คงไม่หนีจากการ Change ประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ (Republic)

พรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตนเอง ครั้นจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นก็ไม่ง่าย เพราะเงื่อนไขของคุณทักษิณทำให้พรรคต่างๆ ไม่อยากร่วมสังฆกรรม เพราะอันตรายต่อพรรคของตัวเอง

คุณทักษิณจึงย้ำแล้วย้ำอีก พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น อยากเชิญชวนคนไทยลองไปติดตามอ่าน ติดตามฟังความคิดของหัวขบวนของคนรุ่นใหม่ จะเข้าใจมากขึ้น ทุกแนวคิด ทุกข้อเสนอ ล้วนแต่ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นไปตามแนวทางของพวกเขาเท่านั้น การพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจึงจะสำเร็จ

———-
นักพูดกับจริยธรรมและความยุติธรรม
———-

มีเรื่องหนึ่งที่กำลังถกเถียงกันในสังคมเป็นอย่างมาก นักพูดตลกโปกฮาคนหนึ่งใช้เวทีเดี่ยวไมค์ของเขาวิจารณ์การเมืองเสียๆ หายๆ เมื่อถูกวิจารณ์ก็บอกว่า “กูสะดวกแบบนี้”

คนเชียร์ คนชอบก็ออกมาบอกว่าทำได้ ทนายความชื่อดังยังออกมาบอกด้วยว่าไม่ได้พูดเท็จที่ทำให้ใคร เสียหาย คนไม่เห็นด้วยก็ออกมาตำหนิวิจารณ์นักพูดตลกลามกคนนั้น คนไทยก็อ่านให้เยอะๆ แล้วคิดพิจารณาดูกันเองก็แล้วกัน

มีอยู่มิติหนึ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน คือ “จริยธรรม” ของคนที่มีอาชีพเป็นนักพูด คนที่พูดเก่ง พูดแล้วเป็นเงินเป็นทอง ขายบัตรได้รอบหนึ่งเป็นแสนเป็นล้านบาท ใช้เวทีที่ตัวเองขายบัตรได้เงิน พูดถึงคนอื่นอย่างเสียๆ หายๆ แม้คนคนนั้นจะเป็นคนสาธารณะก็ใช่ว่าจะขายบัตรเอาเงินคนอื่นมา แล้วขึ้นเวทีพูดจา มีมุข มีคำคม วลีเฉือดเฉือน ได้อย่างเสรี คำถามว่ามันชอบธรรมหรือไม่กับการกระทำเช่นนั้น

คนเชียร์นักพูดตลกโปกฮา (ลามก) คนนั้น เกือบร้อยทั้งร้อยอยู่ตรงข้ามรัฐบาล ไม่ชอบคุณประยุทธ์  แต่ชอบนักบินที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ตรรกะที่ว่า “ขายบัตร เอาเงิน ขึ้นเวทีด่าคนอื่น” มันทำแบบนี้ได้หรือ ผิดกฎหมายคงไม่ผิด อย่างที่ทนายความใหญ่พูดแสดงความเห็นไว้แล้ว คนพูดก็คงวางแผนมาแล้ว จะพูดอย่างไรจะไม่ให้ผิดกฎหมาย

การพูดให้ตลก  พูดให้คนหัวเราะ ไม่ต้องพูดลามก  ไม่ต้องพูดสองแง่สามง่าม ไม่ต้องแซะ ไม่ต้องวิจารณ์คนอื่นที่เขาไม่มีโอกาสตอบโต้หรือเขาไม่ใช่นักพูดระดับท็อป ไม่สามารถทำได้หรือ? อันนี้ฝากให้ช่วยคิด เวลาเราเรียกร้องความยุติธรรม ต้องนึกถึงความยุติธรรมที่ตัวเราเองต้องให้กับคนอื่นและสังคมด้วย มันถึงจะแฟร์

 

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า