บลูมเบิร์กตีข่าว นโยบายขึ้นค่าแรงของบางพรรคการเมือง อาจทำนักลงทุนหนี TDRI ชี้นโยบายหาเสียง เพียงให้ความต้องการเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเกี่ยวกับนโยบายหาเสียงในประเด็นการขึ้นค่าแรงของพรรคการเมืองไทยบางพรรค ทำให้นักลงทุนมีความกังวล และอาจย้ายการลงทุนจากประเทศไทยหากมีการขึ้นค่าแรง

โดยอ้างบทสัมภาษณ์ของนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ปีที่แล้วไทยเพิ่งขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ย 5% ดังนั้นการปรับขึ้นค่าจ้างเพิ่มเติม ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะกับเวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งสำคัญในด้านอุตสาหกรรม

พรรคการเมืองหาเสียงเสนอนโยบายประชานิยม ประกอบด้วยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 70%, รับประกันค่าจ้างสำหรับบัณฑิตจบใหม่, การพักชำระหนี้เกษตรกร, และการลดค่าไฟทันที

โดยไทยเคยเป็นหนึ่งในแหล่งการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ปัจจุบันกลับพ่ายแพ้ให้แก่เวียดนามและอินโดนีเซียในการดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มบริษัทที่กำลังย้ายฐานออกจากจีน ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะค่าจ้างแพงและเผชิญกับภาวะแรงงานสูงอายุ

ซึ่งเมื่อวานนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟสบุ๊ค ระบุว่า ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ที่วันละ 328 – 354 บาท ในขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 240 บาทต่อวัน อีกทั้งในแง่ประชากรศาสตร์ ไทยมีประชากร 66 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุ 14.51% ในขณะที่เวียดนามมี 98 ล้านคน แต่มีผู้สูงอายุเพียง 8.3% เท่านั้น

ด้านสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า “นโยบายจำนวนมากที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่เน้นแก้ไขปัญหาหรือตอบสนองความต้องการเฉพาะหน้าของประชาชน โดยไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถของประเทศอย่างแท้จริงในระยะยาว กล่าวคือ ไม่ช่วยทำให้แรงงานมีทักษะที่สูงขึ้น ภาคธุรกิจตลอดจนภาคเกษตรมีผลิตภาพที่สูงขึ้น สามารถอยู่รอดในการแข่งขัน และภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น”