Articlesความบันเทิงจากรถแห่ รากเหง้าของกระแสความคิดหลักของผู้คนในสังคมไทย

ความบันเทิงจากรถแห่ รากเหง้าของกระแสความคิดหลักของผู้คนในสังคมไทย

รถแห่ ที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ของความบันเทิงในสังคมกระแสหลักไทยโดยเฉพาะในสังคมชนบท และถูกมองจากสังคมบางส่วนในเชิงของการเหยียดหยามและดูถูกว่าเป็นความบันเทิงแบบตลาดล่างและสะท้อนถึงความเป็นตลาดล่างในตัวของผู้เสพความบันเทิงทั้งที่จุดเริ่มต้นของรถแห่คือเป็นเครื่องมือในการสร้างความบันเทิงในสังคมชนบทโดยเฉพาะในงานสำคัญในพื้นที่ที่มักจะพบรถแห่เสมอ

 

จุดเริ่มต้นของรถแห่นั้นเกิดจากความพยายามในการสร้างความบันเทิงในกิจกรรมงานต่าง ๆ โดยเฉพาะงานบวช ที่สังคมชนบทให้ความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะกิจกรรมทางสังคมขนาดใหญ่ที่มีประเพณีทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งนอกจากการนำความบันเทิงแบบนั้นเข้ามาแล้วก็ยังกิจกรรมงานเลี้ยงควบคู่กันในงานเพื่อเสริมสร้างความรื่นรมย์และสนุกสนานในงานสังคมดังกล่าวอีกด้วย

 

ดังนั้น รถแห่จึงได้พัฒนากลายเป็นพื้นที่ให้ผู้คนแสดงออกและรับรู้ในความบันเทิงดังกล่าวได้สะดวกเพราะตัวรถแห่ที่เป็นยานพาหนะไปในตัวที่มีเครื่องเสียงติดตัวสามารถเคลื่อนที่ได้ง่าย

 

ซึ่งเมื่อเทียบกับเวทีจัดงานอื่น ๆ ที่ต้องมีการเตรียมพื้นที่ขนาดใหญ่ในการตั้งเวทีจัดงานรวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ในเวทีที่ต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวทีออกเมื่อจบงานนั้นแล้ว ทำให้การจัดงานที่ใช้เวทีต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาเตรียมการจัดงานนาน เมื่อเทียบกับรถแห่ที่สามารถรองรับงานในระดับย่อมได้ดีกว่า

 

และการเข้ามาของดนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์คือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของความบันเทิงดังกล่าวให้กลายเป็นความบันเทิงหลักในสังคมชนบทและเริ่มแผ่อิทธิพลในสังคมเมือง

 

โดยการเข้ามาของดนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ทำให้การสร้างความบันเทิงสามารถทำได้ง่ายขึ้นเพราะมีการบันทึกเป็นไฟล์ดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงดนตรีสดบนรถแห่เหมือนก่อนหน้านั้น ส่วนสื่อสังคมออนไลน์ก็เป็นเครื่องมือของการประชาสัมพันธ์ความบันเทิงให้สามารถเข้าถึงสังคมได้มากขึ้น ทำให้ดนตรีแนวนี้แพร่หลายในสังคมเมืองอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางของสื่อสังคมออนไลน์

 

ทว่าการเข้ามาของความบันเทิงจากรถแห่กลับถูกบางกลุ่มคนมองในแง่ลบและนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่าง 2 กลุ่มที่มองความบันเทิงแบบรถแห่ในแง่บวกและแง่ลบ

 

โดยก็มีกลุ่มคนที่มองความบันเทิงจากรถแห่ว่าเป็นการสะท้อนแนวคิดค่านิยมแบบตลาดล่างที่เป็นการแสดงออกอันไม่เหมาะสมต่อสาธารณชน เช่น พฤติกรรมการเต้นที่เข้าข่ายการยั่วยวนทางเพศ การใช้คำพูดที่หยาบคายและไม่จรรโลงใจ อีกทั้งเป็นการผลิตซ้ำค่านิยมต่ำ ๆ สู่สังคมออกมา

 

ขณะเดียวกันคนอีกกลุ่มหนึ่งก็มองว่า สังคมกระแสหลักส่วนหนึ่งนั้นมีความสนใจในความบันเทิงแบบรถแห่ด้วยเหตุที่ชื่นชอบและมีความสามารถในการเข้าถึงความบันเทิงแบบนั้นได้มากกว่าความบันเทิงแบบอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดมากมายเมื่อเทียบกับรถแห่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า  

 

เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุผลของทั้ง 2 กลุ่มคนที่มีความแตกต่างกันในมุมมองเช่นนี้จึงทำให้มักเห็นการตอบโต้และสนับสนุนตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ของไทยอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

และเริ่มมีการกังขามากมายว่า การเข้าถึงความบันเทิงจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีความรู้หรือจริงจังในการเข้าถึงความบันเทิงที่มีคุณภาพและเพิ่มพูนประสบการณ์ความรู้ของตน หรือจริง ๆ แล้วความบันเทิงควรจะมีจุดประสงค์เพื่อผ่อนคลายและเข้ากับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกันโดยที่ไม่ต้องมาเรียนรู้สาระสำคัญในความบันเทิงอะไรมากนัก ก็ยังเป็นการกังขาที่ยังคงพบได้ในสังคมไทย

 

ซึ่งจุดที่ค่อนข้างประหลาดในประเด็นนี้ คือ ทั้ง 2 กลุ่มคนที่ว่านี้ ก็มีหลายคนที่มีความคิดความเชื่อที่เชื่อมั่นในแนวคิดทางการเมืองที่เป็นเสรีประชาธิปไตยและยอมรับในค่านิยมของความเท่าเทียมรวมทั้งการเคารพความเห็นต่างแต่กลับมีมุมมองต่อการเสพสื่อความบันเทิงที่แตกต่างกันอย่างลิบลับและยังเหยียดหยามดูถูกรสนิยมความบันเทิงกันและกัน

 

อีกฝั่งก็ว่า บ้างก็ว่าเป็นดนตรีตลาดล่างบ้าง บ้างก็ว่าเป็นการแสดงออกแบบต่ำ ๆ บ้าง บ้างก็ว่าเป็นความบันเทิงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง อีกฝั่งก็โยนหินกลับบ้างว่า เป็นการเหยียดหยามชนชั้นบ้าง ไม่เข้าใจสังคมพวกเขาบ้าง ถ้าความบันเทิงนั้นไม่ดีจริงคงไม่มีคนฟังเยอะหรอก และอื่น ๆ อีกสารพัด ซึ่งก็ยังมีการถกเถียงอย่างรุนแรงโดยไม่ให้เกียรติหรือสงวนความเห็นต่างแต่อย่างใด

 

บางที สิ่งที่ขาดหายไปในคุณค่าประชาธิปไตยในสังคมไทยจริง ๆ น่าจะเป็นการเคารพความเห็นต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เพียงเรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่หมายถึงเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมและรสนิยมส่วนบุคคลซึ่งการเคารพกันและกันจะเป็นผลดีต่อสังคมโดยรวมในระยะยาวและจะเป็นผลดีต่อทุกคนในเวลาเดียวกัน 

 

โดย ชย

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า