NewsASEAN Payment Connectivity รัฐบาลลุยชำระเงินอาเซียนสู่เอเปค ขยายโครงข่ายจาก 6 เป็น 21 ประเทศ ช่วยไทยดันเป็นศูนย์กลางดิจิทัลภูมิภาค

ASEAN Payment Connectivity รัฐบาลลุยชำระเงินอาเซียนสู่เอเปค ขยายโครงข่ายจาก 6 เป็น 21 ประเทศ ช่วยไทยดันเป็นศูนย์กลางดิจิทัลภูมิภาค

วันที่ 25 ต.ค. 65 น.ส.ทิพานัน  ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งเสริมและมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเพื่อเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลโดยเร็ว ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงพัฒนากับธนาคารกลางอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนร่วมกันผลักดันโครงการ ASEAN Payment Connectivity ตั้งแต่ปี 2562  เพื่อให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศในภูมิภาคมีความสะดวก ปลอดภัย และต้นทุนต่ำ

 

ผลสำเร็จที่เห็นชัดคือ ประเทศไทยสามารถเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ (cross-border payment) สองรูปแบบคือ (1) การชำระเงินด้วย QR payment และ (2) การโอนเงินระหว่างประเทศ ผ่านบัญชีอย่างสะดวกและรวดเร็ว จนประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนจากการมีจำนวนการเชื่อมโยงด้านการเงินมากที่สุด

 

 “ในปัจจุบันมี 6 ประเทศนำร่อง การโอนเงินระหว่างประเทศกับไทย ( Cross-border QR Payment) คือ ญี่ปุ่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าการใช้บัตรเครดิต  วิธีการง่ายๆเพียงสแกนไทยคิวอาร์โค้ด ผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ  5 ธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ กรุงเทพ กสิกรไทย กรุงไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงศรีอยุธยา” น.ส. ทิพานัน กล่าว

 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ความสำเร็จนั้นเป็นการต่อยอดมาจากการพัฒนา Thai QR payment ภายใต้ระบบ PromptPay ของรัฐบาล พล.อประยุทธ์ จนทำให้ไทยมี QR code ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ และได้กลายมาเป็นบริการชำระเงินที่คนไทยคุ้นเคยในทุกวันนี้  จากโครงการที่ประสบผลสำเร็จทั้งทางด้านนวัตกรรมการเงินดังกล่าว ไทยจึงเสนอแนวปฏิบัติการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างเขตเศรษฐกิจ ภายใต้ชื่อ “APEC Policy Considerations for Developing Cross-Border Payments and Remittances” ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

 

รวมทั้งยังได้จัดแสดงนวัตกรรมการชำระเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Payment) ประกอบด้วย Cross-border QR Payment และ Digital Supply Chain Solution  เพื่อเป็นแนวทางให้กับสมาชิกเอเปคอื่นๆ นำนวัตกรรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับประเทศสมาชิกเอเปคในอนาคต  ซึ่งการนำเสนอนวัตกรรมการเงินดิจิทัลนี้ จะทำให้คนไทยและธุรกิจไทยได้ประโยชน์ 4 เรื่องคือ

 

  1. ระบบการชำระเงินไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานและมีโอกาสขยายฐานไปสู่สมาชิกเอเปค ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ด้านการชำระเงิน ที่สอดรับกับการพัฒนาการของระบบเศรษฐกิจการเงินได้รวดเร็ว มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพ รองรับการใช้ประโยชน์จากผู้ประกอบการที่หลากหลาย ก่อให้เกิดนวัตกรรมบริการชำระเงินที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ และมีโครงสร้างธรรมาภิบาลด้านการชำระเงินที่เหมาะสม รวมทั้งมีการกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น มีประสิทธิผลและเท่าทันความเสี่ยงใหม่ในยุคดิจิทัล

 

  1. ประชาชนมีบริการดิจิทัลเพย์เมนต์ที่ครอบคลุมในการโอนเงินระหว่างประเทศ( Cross-border QR Payment) จะทำให้ทุกการเดินทางในต่างประเทศ หรือทำธุรกรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ แล้วไม่มีบัตรเครดิต สามารถโอนจ่ายง่าย สะดวก มีระบบป้องกันที่ปลอดภัยทั่วทั้งกลุ่มอาเซียน และอนาคตในกลุ่มสมาชิกเอเปค ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมถูกและอัตราเรทค่าเงินที่ดี

 

  1. ธุรกิจ-SMEs จะมีบริการชำระเงินที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจการค้าและการชำระเงินดิจิทัลได้สะดวก และหากเข้าร่วมนวัตกรรมบริการการเงิน Digital Supply Chain Solution จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านการประหยัดเวลา ลดเอกสาร ลดต้นทุนการขยายธุรกิจ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อได้ดีขึ้น รวดเร็ว เป็นการยกระดับศักยภาพ พลิกโฉมการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล

 

  1. ผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น ธนาคารต่างๆ เพิ่มโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนการปรับตัวให้สอดรับกับโลกเงินดิจิทัล ด้วยเกณฑ์การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการและเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมภายใต้การกำกับดูแลความเสี่ยงใหม่อย่างเท่าทันในยุคดิจิทัล

 

“การพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของไทย ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้หลากหลาย และต้องอาศัยความทุ่มเทจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงต้องมีการสนับสนุนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่ดีในด้านเทคโนโลยีจากรัฐบาล เพื่อการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นธรรม ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เล็งเห็นความสำคัญจึงได้วางโครงสร้างไว้อย่างครบถ้วนและพร้อมเดินหน้าสร้างภูมิทัศน์พลิกโฉมภาคการเงินไทย ให้แข่งขันและล้ำหน้าในระดับโลกต่อไปอย่างยั่งยืน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

 

#TheStructureNews

#Promptpay #APEC #ASEAN

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า