นายกประกาศบนเวที “ซีอีโอ ซัมมิต” ขอความร่วมมือภาคธุรกิจช่วยฟื้นเศรษฐกิจ 3 ด้าน เศรษฐกิจ BCG-ธุรกิจใหญ่อุ้มธุรกิจเล็ก-อาชีพใหม่ในเศรษฐกิจดิจิทัล
นายกฯ ประกาศกลางเวที “ซีอีโอ ซัมมิต” ขอภาคธุรกิจร่วมมือฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม APEC CEO Summit ตามคำเชิญของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) ว่า ในฐานะที่เอเปค ซีอีโอ ซัมมิต เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค การกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้ากัน ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และการที่ทุกท่านมาเข้าร่วมประชุมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคของเรากลับมาเดินหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้งหลังจากที่ชะงักงันมาหลายปี
และขณะที่โลกกลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้งในยุคหลังโควิด ไทยกำลังขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปคในประเด็นที่ท้าทายและมีวิสัยทัศน์ได้แก่ ประเด็นการค้าและการลงทุนใหม่ๆ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ความจำเป็นในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและการเดินทาง วาระความยั่งยืนของโลก โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจที่มีพลวัตสูงในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้สะท้อนอยู่ในหัวข้อหลักของเอเปคปีนี้ คือ OPEN.CONNECT.BALANCE
จึงขอใช้โอกาสนี้นำเสนอ 3 ประเด็นที่เชื่อว่า ภาครัฐและภาคธุรกิจสามารถร่วมมือกันได้อย่างเข้มแข็ง และเป็นทิศทางที่ไทยเชื่อว่าเป็นหนทางที่ภูมิภาคและโลกต้องก้าวไปให้ถึง หากเราจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจากผลกระทบของโควิด-19 และเติบโตในระยะยาวอย่างสมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาคเอกชน การเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็ง ระหว่างภาครัฐกับภาคธุรกิจ
ประเด็นแรก ขอให้นำเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG) มาขับเคลื่อนการเจริญเติบโตเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นในระยะยาว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งหาหนทางที่เหมาะสมให้ธุรกิจยังสามารถมีผลกำไรได้ และการเงินการคลังที่ยั่งยืนก็มีความสำคัญยิ่งต่องานของเรา ดังนั้น ภาคเอกชนสามารถมี บทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบการเงินที่ยั่งยืนที่อิงกลไกตลาด ตราสารทางการเงิน และเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเงินทุนไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน เราจะสานต่อการทำงานเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เอื้อให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้
ประเด็นที่สอง การเจริญเติบโตที่ครอบคลุม เราต้องมั่นใจว่าเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงขอให้หันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน ต้องทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 98% ของธุรกิจทั้งหมด ในภูมิภาค และคิดเป็น 40-60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในเขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่ ให้ขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างนวัตกรรม ให้สามารถเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุน
ประเด็นที่สาม การมุ่งไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการสร้างอาชีพ ประเทศไทยมีความกระตือรือร้นที่จะต้อนรับการลงทุน และแรงงานที่มีทักษะ และแรงงานขั้นสูงในภาคอุตสาหกรรมนี้ โดยมีมาตรการจูงใจทั้งทางภาษีและไม่ใช่ภาษี และเมื่อไม่นานมานี้ได้เปิดตัวโครงการตรวจลงตราประเภทผู้พำนักระยะยาว 10 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล นอกจากนี้ไทยได้จัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (อีอีซีดี) เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและนวัตกรรมของภูมิภาค
#TheStructureNews
#APEC2022 #ซีอีโอซัมมิต
“ตอนนี้ถ้าเห็นใครที่อวดรวยแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คือไม่รู้แม่งทำมาหาแดกอะไร แต่มีเงินซื้อรถหรู นาฬิกาโคตรแพง ไลฟ์สไตล์ฟู่ฟ่า… มั่นใจได้ว่า ถ้าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ก็พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือพนันออนไลน์แน่นอน” จ่าพิชิต ขจัดพาลชน หรือ นพ.วิทวัส ศิริประชัย เจ้าของเพจ Drama-Addict 17 ธันวาคม 2565
‘สมรสเท่าเทียม’ ผ่านสภาผู้แทนฯ ‘ก้าวไกล’ หวังการพิจารณาในวุฒิสภาเป็นไปอย่างราบรื่น ‘ส.ส. เพื่อไทย’ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันผลักดัน
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม