Here We Go (68) พิเคราะห์ทางเดินสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของพิธา เส้นชัยอยู่ข้างหน้า ระยะทางไม่ไกล แต่ก็ไม่ง่าย

การเมืองไทยตอนนี้แบ่งเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วแรกเคลื่อนไหวต่อเนื่องทุกวันคือพลพรรคก้าวไกล อีกขั้วหนึ่งนิ่งและนิ่งเงียบที่สุดคือ พรรคการเมืองที่เหลือไม่ว่าจะเป็นว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลหรือว่าที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 

ทุกพรรคปล่อยให้พรรคก้าวไกลของคุณพิธาออกแรงเล่นกับสื่อมวลชนเพียงฝ่ายเดียว เรียกได้ว่าพรรคก้าวไกลกำลังเล่นกับกระแสมวลชนผ่านทุกสื่อทุกทางทั้งออนแอร์ ออนไลน์ ออนโมบาย อย่างเต็มที่ ถ้าคนต่างชาติไม่เคยติดตามการเมืองไทยมาก่อนเปิดสื่อช่องทางไหนก็จะเจอแต่หน้าคุณพิธา ต้องเข้าใจผิดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอยู่ตอนนี้  

ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ตอบว่าเป็นเพราะพรรคได้ดิบได้ดีมี ส.ส.เป็นกอบเป็นกำอันเนื่องมาจากกระแส ดังนั้นต้องเลี้ยงกระแสที่สนับสนุนไว้ให้ได้ ยิ่งในยามที่กำลังจะเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลต่อจากคุณประยุทธ์

แม้คุณพิธาจะมีความชอบธรรมตามธรรมเนียมการเมืองของการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ 1 จนถึงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หนทางไม่เปิดสะดวกมีอุปสรรค

ทั้งทางระเบียบข้อกฎหมายรวมทั้งความประพฤติทางการเมืองที่อาจทำให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอีก 7 พรรคที่เหลือสุ่มเสี่ยงต่อการล่มสลายทางการเมืองด้วย เห็นได้จากการลงนามใน MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลต้องยอมตัดประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 ออกไป เพราะอีก 7 พรรคที่เหลือไม่สะดวกใจที่จะยอมรับได้ เพราะอาจนำไปสู่การฟ้องร้องยุบพรรคหากถูกร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญ 

ไม่เช่นนั้นคุณชวนอดีตประธานรัฐสภาคงบรรจุร่าง กม.ของพรรคก้าวไกลเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาไปนานแล้ว แม้จะมีกระแสออนไลน์ตำหนิพรรคก้าวไกลที่ไม่ยอมทำตามสัญญาเมื่อหาเสียงไว้ แต่แฟนด้อมก็ยอมรับได้ว่าที่จำใจต้องยอมลงนาม MOU ก็เพื่อต้องการมัดจำนวนเสียง ส.ส.ของอีก 7 พรรคไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ปันใจเปลี่ยนขั้ว ไปรับรองให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากคุณพิธาคนเดียว

———-

อุปสรรคใหญ่ที่ยังขวางอยู่ข้างหน้าคือเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ที่ก็มีอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ตอนนี้ ส.ว.ไม่ได้กังวลเรื่องมาตรา 112 อย่างเดียวแล้ว ยังกังวลเรื่องทิศทางการบริหารประเทศจะรุ่งหรือร่วงจากนโยบายด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลังที่ออกจากปากว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง 

นโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านความมั่นคง นโยบายด้านพลังงานที่ออกจากปากคุณพิธาและเหล่าสมาชิกคนสำคัญของพรรคผ่านสื่อในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย 

ไม่ต้องดูไกลแค่การซื้อขายของตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต่างประเทศทราบผลการเลือกตั้งจนมาถึงการให้สัมภาษณ์ของคุณศิริกัญญา หุ้นตกต่อเนื่องไม่หยุด ต่างชาติเทขายทุกวันมูลค่าน่าจะมากกว่าแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว บรรดา ส.ว.คงต้องคิดหนักในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมากขึ้น 

ทางแก้ของพรรคก้าวไกลคือ หาคนที่น่าเชื่อถือมากกว่าออกมาพูดแก้ต่างแทนเพื่อลดกระแสความหวาดกลัวพร้อมกับสร้างกระแสความมั่นใจต่อนักลงทุนและประชาชน ส่วน ส.ว.ที่แสดงท่าทีจะไม่โหวตให้คุณพิธา ทางพรรคก็ใช้กระแสจัดทัวร์ไปถล่ม สำหรับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่เคยบอกว่าจะไปช่วยพูดคุยกับ ส.ว.ให้คุณพิธา คงหยุดนิ่งไว้ก่อน

———-

ตอนนี้พรรคก้าวไกลต้องแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคทุกวัน ทั้งเรื่อง “ดีลลับ” ก็ต้องจับพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคมาตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ตั้งคณะทำงานนโยบาย 7 ด้าน เดินสายพบกลุ่มอาชีพต่างๆ นักธุรกิจภาคเอกชน สมาคมองค์กรส่วนท้องถิ่น และอาจจะขอข้อมูลจากหน่วยราชการ 

ทำอย่างนี้ต้องการแสดงให้เห็นว่าพร้อมจะเข้าทำหน้าที่รัฐบาลใหม่แล้ว กระแสประชาชนทุกส่วนตั้งหน้าตั้งตารอคอยการเป็นรัฐบาลของคุณพิธา ใครที่ทำตัวเป็นอุปสรรคกรุณาถอยออกไป อย่าขวางทาง ไม่เช่นกันอาจถูกกระแสเสียงประชาธิปไตยถล่มได้ 

ว่างเมื่อไรก็ออกไปตระเวนขึ้นรถขอบคุณประชาชนรอบๆกรุงเทพ ทุกคนก็มองออกว่าต้องการเลี้ยงกระแสสนับสนุนไว้เผื่อต้องใช้มากดดันในสถานการณ์ที่สำคัญๆ ของพรรค เช่น วันเลือกประธานสภา วันโหวตสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายก   

ยังไม่นับอุปสรรคสำคัญเรื่องคุณสมบัติของคุณพิธาที่มีชื่อถือหุ้น itv ไม่รู้ว่าคณะกรรมการเลือกตั้งจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อไร ก่อนหรือหลังเวลารับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ทั้งหมดเกี่ยวพันกับความชอบธรรมการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น

———-

ในส่วนพรรคเพื่อไทยได้รับสัญญาณจากคนแดนไกลแล้วให้ทุกคนนิ่งเงียบที่สุด ไม่ต่อล้อต่อเถียง ไม่ต้องขยายประเด็น ซึ่งได้ทำเป็นตัวอย่างแล้วงดพูดผ่านรายการ CARE Talk ปล่อยให้พรรคก้าวไกลแสดงบทบาทให้เต็มที่ พรรคก้าวไกลจะทำอะไรก็ให้คุณหมอชลน่านแสดงไปตามเกม พรรคเพื่อไทยประกาศจะไม่แย่งจัดตั้งรัฐบาลแข่งต่อหน้าต่อตา 

พรรคเพื่อไทยอ่านเกมการเมืองแล้วว่าตอนนี้นิ่งเสียตำลึงทอง อุปสรรคของพรรคก้าวไกลมีมากโอกาสจะแพ้ภัยตัวเองจากระเบียบข้อกฎหมายมีสูง เวลาที่ผ่านพ้นไปเรื่อยนานวันเข้าจะสร้างความชอบธรรมในการเป็นพรรคนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลในที่สุด 

น่าสนใจมากที่คุณทักษิณจะกลับประเทศไทยเดือนกรกฎาคมนี้ ย้ำว่ากลับมาแน่ เพราะต้องมาคุมทิศทางและงานของพรรคเพื่อไทยด้วยตนเอง มิฉะนั้นเลือกตั้งปี 2570 จะสาหัสและแพ้ยับเยินยิ่งกว่าปีนี้ 

คุณทักษิณฉลาดเป็นกรด กระดูกการเมืองเบอร์ใหญ่สุดในประเทศนี้ แถมกล้าได้กล้าเสีย ตัดสินใจเด็ดขาด เป้าหมายใหญ่คือเลือกตั้งคราวหน้า จึงต้องนำ ไม่ใช่ตามเมื่ออยู่ในรัฐบาล 

ต้องรอดูกันต่อไป ฝ่ายหนึ่งเล่นกับกระแสใช้กระแสสร้างความชอบธรรม ฝ่ายหนึ่งเล่นกับระยะเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันใช้เวลาสร้างความชอบธรรม อีกฝ่ายเล่นกับความนิ่งสงบรอคอยโอกาสที่มาถึงใช้โอกาสสร้างความชอบธรรม  ฝ่ายไหนจะบรรลุผลก่อนกัน

———-

แม้จะมีความยุ่งยากยังไงก็ตาม การเมืองยังคงเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนประเทศไทย เราผ่านการเลือกตั้งมาได้สามอาทิตย์ ทราบผลการเลือกตั้งทางการแล้ว แต่ กกต.ยังไม่ได้รับรองผลทางการ ว่าที่ ส.ส.ก็จะเป็นว่าที่กันต่อไปอีกสักพักใหญ่ 

เมื่อยังไม่มี ส.ส.อย่างเป็นทางการ สภาก็ประชุมไม่ได้ ใครจะเป็นประธานสภาก็ยังไม่รู้ การประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นไม่ได้ คุณประยุทธ์และ ครม.ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป 

ส่วนคุณพิธาเดินหน้าแสดงตัวเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีเต็มที่ พบปะผู้คน องค์กร หน่วยงาน นำเสนอนโยบาย ส่งคณะทำงานที่เรียกว่า Transition Team ไปหารือข้าราชการระดับปฏิบัติด้านการต่างประเทศ เศรษฐกิจ การกระจายอำนาจ จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้มั่นใจว่า นโยบาย Change ประเทศจะเกิดขึ้นทันทีที่คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ 

เครื่องจักรการเมืองในวันนี้จึงมีหลายตัว รัฐบาลคุณประยุทธ์ ว่าที่รัฐบาลของ 8 พรรค คุณทักษิณ เจ้าของพรรคเพื่อไทย กกต.ผู้ชี้เป็นชี้ตาย ส.ส. ศาลรัฐธรรมนูญและ ส.ว. ผู้ชี้เป็นชี้ตายคุณพิธา กองเชียร์หรือด้อมส้มที่เป็นพลังปกป้องคุ้มครองคุณพิธาและก้าวไกล 

ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยเรายังมี “ด้อมส้ม” อีก มิอาจมองข้าม สามารถสร้างอำนาจต่อรองอะไรได้หลายอย่าง ด้อมส้มจึงอาจถูกใช้ในทางการเมืองได้อย่างแน่นอน ในโลกออนไลน์ด้อมส้มมีเยอะแน่ แต่จะออกมาในโลกจริงมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการโหมกระพือเงื่อนไขโดยบรรดากูรูที่อยู่เบื้องหลัง

———-

มาถึงวันนี้มีคำถามใหญ่ที่ผู้คนในสังคมคุยกัน ถามกัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน คุณพิธาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ ถ้าได้เป็นประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้เป็นประเทศไทยจะเป็นอย่างไร 

ถ้าใครได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้คนต่างวัย ต่างอาชีพ ต่างประสบการณ์ คำถามเหล่านี้นี้มีคำตอบหลากหลายจริงๆ จนมิอาจหาข้อสรุปได้ แต่ที่คล้ายๆ กัน และพอมองเห็นใกล้เคียงกันคือ ประเทศไทยจะไม่เหมือนเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลจะเปลี่ยนไป 

พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่าทุกพรรค ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเพื่อไทยต้องได้เป็นรัฐบาล อาจเป็นแกนนำรัฐบาลก็ได้ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำก็ได้ เลือกเป็นแบบไหนก็ได้ แต่คุณพิธาและก้าวไกลเลือกไม่ได้ 

คุณพิธาต้องผ่านด่าน กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และ ส.ว. คุณพิธาบอกว่าไม่ใช่อุปสรรคพร้อมชี้แจงเรื่องหุ้น ITV ส่วน ส.ว. การเจรจามีแนวโน้มที่ดี แต่วงในบอกว่ายากลำบากยิ่ง ไม่ใช่ติดแค่คุณพิธา แต่ติดที่ตัวพรรคก้าวไกลและผู้อยู่เบื้องหลังพรรคที่อันตรายยิ่งกว่าคุณพิธา 

———-

ในวันข้างหน้านั้นประเทศไทยคงไม่มีคุณประยุทธ์และคุณประวิตรอยู่ในวงจรอำนาจ สิ่งที่เคยเป็นมา 8 ปี จึงจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป คนจำนวนมากบอกว่าประเทศจะวุ่นวายยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นโยบายของรัฐบาล ความเห็นต่างของผู้คน ผลกระทบทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ความมั่นคง การต่างประเทศ การร่างรัฐธรรมนูญ การแก้กฎหมายหลายฉบับ จะทำให้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก 

ว่ากันว่ามากเสียจนคนไทยตามไม่ทัน สรุปว่า ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร คำตอบในทุกคำถามจะออกมาด้านไหน ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม และความไม่เหมือนเดิมที่ว่านั้น อาจไม่ใช่ความสุขที่คนไทยต้องการ รอดูและอยู่กับมันด้วยกัน