เที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์ เชื้อเพลิงชีวภาพ 100%: ความสำเร็จในยุโรป ที่ส่งผลกระทบถึงประเทศไทย
เครื่องบินเป็นอีกหนึ่งต้นตอของการเกิดก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมการบินจะมีสัดส่วนของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงประมาณ 2% [1] แต่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International civil Aviation Organization: ICAO) ออกมาสนับสนุนให้มีการทดแทนเชื้อเพลิงอากาศยานหรือน้ำมันเจ็ทที่ผลิตจากฟอสซิลด้วยการใช้ SAF ในสัดส่วนที่เหมาะสมภายในปี 2050 ด้วยเช่นกัน [2]
ข่าวที่น่ายินดีคือ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ATR Aircraft บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอิตาลี-ฝรั่งเศส ประกาศความสำเร็จของบริษัทในการทดลองเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกของโลกที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ หรือ เชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน (sustainable aviation fuels: SAF) ได้สำเร็จ โดยในการทดสอบนี้ ใช้เครื่องบิน ATR-72 เป็นเครื่องบินทดลอง [3] [4]
เที่ยวบินทดสอบดังกล่าว ขึ้นบิน 2 เที่ยว เที่ยวละไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง และทดสอบเดินเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง โดยตัวเครื่องบินและสายการบินผู้เข้าร่วมโครงการคือสายการบิน บราเท็นส์ (Braathens) ของสวีเดน [3][4]
สำหรับเครื่องบินรุ่น ATR-72 เป็นเครื่องบินพาณิชย์สำหรับการบินในภูมิภาค มีพิสัยการบิน 1,528 km ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ พร็อพเพลเลอร์ 6 ใบพัด มีอัตรากินน้ำมันที่ 1.49 กิโลกรัมต่อกิโลเมตร [5]
แต่ในเที่ยวบินทดสอบนี้ ใช้เครื่องยนต์ใหม่ที่ถูกตั้งชื่อเครื่องยนต์ใหม่ว่า “XT” [3] ซึ่งวิศวกรของ ATR ให้ข่าวว่า สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 46% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เคยใช้กันอยู่แต่เดิม [3]
สำนักข่าว Aviaci online ให้ข่าวต่อว่า สายการบิน บราเท็นส์ รีจินอล (Braathens Regional) มีฐานอยู่ที่เมือง ตรอลเฮตตัน (Trollhättan) ประเทศสวีเดน โดยปกติมีเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างเมืองในประเทศสวีเดนและนอร์เวย์ มีแผนการที่จะขยายมาใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ 100% ในปี พ.ศ. 2567-2568 โดยมีบริษัทเนสเต้ (Neste) เป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิง [4]
สำหรับประเทศไทยนั้น ในพื้นที่ EEC มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับอากาศยาน ไม่ว่าจะเป็นห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chains) ที่เกี่ยวกับการบินและโรงกลั่นน้ำมันที่มีบุคลากรที่มีความรู้ด้านการผลิตเชื้อเพลิง อีกทั้งยังมีของเหลือจากภาคการเกษตรอยู่มาก ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปผลิตน้ำมันชีวภาพได้ [2]
นอกจากนี้ ภาครัฐยังให้การสนับสนุนทั้งในด้านนโยบายการใช้ และในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเป็นสภาวะเกื้อหนุนที่สำคัญในการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งหากพัฒนาได้ดี ไทยสามารถขึ้นเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวภาพของภูมิภาคได้ในระยะยาว [2]
ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตาม “แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ที่ถูกประกาศใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา โดยในประเด็นหลัก “การเกษตรสร้างมูลค่า” นั้น รัฐบาลส่งเสริมให้มีการนำวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ [5]
และในประเด็นหลัก “อุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคต” รัฐบาลส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวัตถุชีวมวลในการผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า เพื่อลดปัญหาโลกร้อน และสร้างรายได้แก่เกษตรกรเพิ่มมากขึ้น [5]
ซึ่งอุตสาหกรรมการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคตนั้น สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ที่ต้องการให้ทุกสายการบินในโลกใช้เชื้อเพลิงชีวภาพให้ได้ในอนาคต และการประกาศความสำเร็จของเที่ยวบินเชื้อเพลิงชีวภาพ 100% ของบริษัท ATR, สายการบิน บราเท็นส์ และ เนสเต้นั้น คือหมุดหมายแห่งความสำเร็จของเที่ยวบินรักโลก ซึ่งจะกลายเป็นแนวโน้มแห่งอนาคตในวันข้างหน้า
ประเทศไทยเราโชคดี ที่มีศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และมี “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” และโครงการ EEC เป็นปัจจัยที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่โอกาสแห่งอนาคต
ดังนั้น ความสำเร็จของเที่ยวบินรักโลกที่ยุโรป จึงหมายถึงโอกาสแห่งอนาคตของประเทศไทยด้วยนั่นเอง
โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อ้างอิง :
[1] เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) – ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
[2] “น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน” โอกาสอุตฯชีวภาพ-การบิน
[3] ATR, Braathens & Neste gear up for first ever 100% Sustainable Aviation Fuel flight
[6] แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนลำดับรอง ในประเด็นด้านพลังงาน
[7] “Gas Turbine Theory”, Cohen H., Roger G.F.C. and Saravannamuttooo, H.I.H. (2001), Edition 5
[8] “ทฤษฎีกังหันแก๊ส”, บันเทิง สุวรรณตระกูล
วาระเด็ดจาก Queenmaker หัวใจสำคัญของกลยุทธ์สาดโคลนในวงการการเมือง รายละเอียด ที่นี่
ดีเดย์ เริ่มแล้ววันนี้! เปิดจองตั๋ว “รถไฟลอยน้ำ” เส้นทางกรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ย้อนรอยคดีลอบสังหาร ค.ศ. 1960 ปีแห่งความเหตุต่างต้องสิ้นของญี่ปุ่น
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม