รู้จัก Hot Scramble หลักการนำเครื่องบินขึ้นรับมือภายใน 5 นาที หลังเรดาห์แจ้งเตือน
เป็นข่าวกระหื่มโลกโซเชียล หลังเครื่องบินขับไล่ MIG 29 ของกองทัพอากาศเมียนมา รุกล้ำน่านฟ้าไทย ที่ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
ในส่วนของกองทัพอากาศ พล.อ.ต. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า “ปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ยังตอบคำถามด้วยว่า “นักบินก็พร้อมวิ่งขึ้นภายใน 5 นาที ระยะทาง 100 กว่าไมล์ ประมาณ 10 กว่านาทีก็จะถึงเป้าหมาย แต่การไปด้วยเครื่องรบทางอากาศ นักบินก็ต้องระมัดระวัง” [1]
และในความเป็นจริงแล้ว กองทัพไทย และกองทัพในหลายประเทศทั่วโลก ในฐานะกองกำลังรักษาความปลอดภัยจากภัยคุกคามภายนอกนั้น จะต้องมีความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ได้อย่างทันท่วงทีอยู่แล้ว ดังนั้น การจัดเตรียมหน่วยเฝ้าระวัง และหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินนั้น คือหลักปฏิบัติที่เป็นสากลอยู่แล้ว
สำหรับกองทัพอากาศไทยนั้น มีการจัดเตรียมกำลังเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมในหลักสูตร “นักบินพร้อมรบ (COMBAT READY)” เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะให้แก่นักบินกองทัพอากาศตลอดเวลา
และยังมีการจัดการฝึกซ้อมอยู่เป็นระยะ ๆ โดยกองบินแต่ละกอง จะจัดการฝึกประจำ เพื่อให้กำลังพลมีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบได้อย่างทันท่วงที
สำหรับกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นกองบินที่เข้ารับมือกับสถานการณ์ ทำการบินประกบ กดดัน ขับไล่ในครั้งนี้นั้น [2]
เพิ่งจะผ่านการฝึกปฏิบัติการเตรียมความพร้อมของหน่วยบินขับไล่สกัดกั้นที่จะทำการขึ้นบินสกัดกั้นอากาศยานที่ไม่ทราบฝ่ายเข้าล้ำน่านฟ้าของประเทศไทย (Hot Scramble) มาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง [3]
—
สำหรับหลักปฏิบัติของกองทัพอากาศนั้น หากตรวจพบอากาศยานที่ไม่มีระบุในแผนการบินเข้ามาในระยะ 100 ไมล์ทะเล (185.2 กิโลเมตร) จากแนวชายแดน กองทัพจะมีการแจ้งเตือนไปยังหน่วยบินขับไล่และสกัดกั้น (Quick Reaction Alert) [3]
และหากอากาศยานนั้น ยังรุกล้ำเข้ามาอีกในระยะ 50 ไมล์ทะเล (92.6 กิโลเมตร) จะสั่งให้หน่วยบินขึ้นบินสกัดกั้น (Intercept) โดยเครื่องบินจะต้องออกบินภายใน 5 นาที นับแต่ได้รับคำสั่ง “Hot Scramble”[3]
อย่างไรก็ตาม ระยะทางจากสนามบินตาคลี จ.นครสวรรค์ ถึงที่เกิดเหตุระยะห่างกัน 111 ไมล์ทะเล (205.6 กิโลเมตร) ต้องใช้เวลาอีก 10 นาทีในการเดินทางนั่นเอง [3]
จึงอาจกล่าวได้ว่า การออกปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยของชาติในครั้งนี้นั้น เป็นไปตามขั้นตอน และมีการฝึกฝนเตรียมพร้อมของกองทัพอากาศอยู่ตลอดเวลา
“นักบินกองทัพอากาศทุกคน ฝึกมาทั้งชีวิต ให้มีความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่ตลอดเวลาที่ได้รับคำสั่ง” เพจเรื่องเล่าอดีตนักบินรบ กล่าวทิ้งท้าย
—
สำหรับทางกองทัพเมียร์มาร์นั้น
วันที่ 1 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการแถลงการณ์ว่า ทางการเมียนมา ได้ประสานงานผ่านทูตทหารไทยประจำกรุงย่างกุ้งมาว่า ทางการเมียนมาแล้ว ยอมรับว่ารุกล้ำจริง โดยการรุกล้ำดังกล่าว เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของนักบิน ระหว่างปฏิบัติการสู้รบในพื้นที่รัฐกระเหรี่ยง [1]
และขอโทษถึงรัฐบาลไทย ว่าไม่มีความตั้งใจและไม่ต้องการมีปัญหากับกองทัพไทย [1]
สุดท้าย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวทิ้งท้ายว่า
“วันนี้เรา [กับเมียนมา] ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมีอะไรก็พูดคุยหารือกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรามีสมรรถนะพอเพียงที่จะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็งทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคต ฝากเอาไว้ด้วยแล้วกัน และย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต” [4]
โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อ้างอิง :
[1] เมียนมา : พล.อ. ประยุทธ์ชี้ เครื่องบินรบเมียนมาตีวงเลี้ยวเข้าน่านฟ้าไทยไม่ใช่เรื่องใหญ่
[2] กองทัพอากาศ ดำเนินการจัดการทดสอบการใช้กำลังทางอากาศ ประจำปี ๒๕๖๕
[3] เพจ เรื่องเล่าอดีตนักบินรบ Tales from ex-fighter pilot วันที่ 1 กรกฎาคม 65 เวลา 03:28 น.
[4] นายกฯ เคลียร์เมียนมาขอโทษแล้ว ยันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความสัมพันธ์ดีอยู่
พร้อมเพย์กับความสำเร็จทางการเงินสู่การใช้จ่ายออนไลน์ทั่วประเทศ:
Here We Go (79) วัดคะแนนเสียง สว. โหวต ‘เศรษฐา’ กับความเป็น “ส้มจืด” ของก้าวไกล
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม